วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

สามเหลี่ยมเมอร์มิวด้า

          


        ปรากฏการณ์ลึกลับและเหลือเชื่อ เริ่มต้นตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 จนถึงปัจจุบัน ในน่านน้ำแห่งนี้ได้กลืนกินเครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่องและเรือเดินสมุทรอีกจำนวนมาก รวมถึงมนุษย์อีกนับพันคน ทั้งหมดนั้นล้วนหายไปในบรรยากาศและพื้นทะเลของสามเหลี่ยเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอยหรือเศษชิ้นส่วนใดๆ ของเรือหรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็นเลยและมันยังคงดำเนินอย่างนี้ต่อไปโดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ



            ชนชาติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างพยายามดำเนินการค้นคว้าหาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถบอกสาเหตุและหาทางป้องกันจากภัยที่เกิดขึ้นในอาณาบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ มันคือสิ่งท้าทายความสามารถของมนุษย์ที่สุด ในการที่จะแก้ปมปริศนา นักวิชาการต่างเสนอทฤษฎีต่างๆ บ้างก็ว่าเกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน บ้างก็ว่าเกิดจากความผิดปกติของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า บ้างก็ว่าเกิดจากอำนาจของสิ่งบินลึกลับและอีกทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงเพราะสามารถอธิบายสาเหตุของการสูญหายของเรือและเครื่องบินได้อย่างค่อนข้างครอบคลุม นักวิทยาศาสตร์ได้ชี้ว่าบริเวณใต้ทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะแหล่งของแก็สมีเธนไฮเดรท (Methane hydrates) ซึ่งในบางครั้งแรงดันของแหล่งแก็สเหล่านี้จะมีมากจนดันผ่านรอยแตกของเปลือกโลกขึ้นมา มันจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบน จึงไม่แปลกหากปรากฏการณ์นี้จะจมเรือสักสิบลำที่อยู่ในบริเวณนั้นพร้อมๆ กันได้ในพริบตา มีเธนไฮเดรทนี้สามารถรบกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ทำให้วิทยุสื่อสารตลอดจนเรดาร์หมดประสิทธิภาพในการทำงาน


       ส่วนกลุ่มควันความร้อนที่อบอวลอยู่รอบบริเวณ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกเรือตกใจ นึกว่าตัวเองหลงเข้าไปในมิติสนธยา เพราะเคยมีการจำลองปรากฏการณ์นี้ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของอเมริกามาแล้ว นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่พอใจกับคำตอบนี้แต่ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายทฤษฎีที่ยังรอให้เราพิสูจน์ อย่างเช่น มีคนพบเห็นสัตว์ยักษ์ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าจำนวนมาก มีตั้งแต่ปลาหมึกยักษ์ยาวหลายร้อยฟุต ไปจนถึงตัวอะไรบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนมังกรทะเล บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้ มีนักเดินเรือหรือนักบิน มักพบเห็นUFO บ่อยเป็นพิเศษ บางครั้งสถานีเรด้าชายฝั่งก็จับสัณญาณวัตถุลึกลับได้



        ส่วนประเด็นสุดท้ายก็คือ มิติที่ 4 การที่มีเครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ ทั้งนี้เพราะเหตุที่ว่าเครื่องบินเหล่านั้นได้บังเอิญบินหลุดเข้าไปในความแปรผันของสนามเวลา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติขึ้นในทันทีทันใด จุดแปรผันของกาลเวลาอาจเป็นเพียงบริเวณเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น การเคลื่อนย้ายออกไปจากมิติคือการแปรผันอย่างรุนแรงของสภาพมิติ ในบางครั้งมันก็อาจทำให้เรือเดินทะเลขนาดใหญ่หรือเครื่องบินทั้งฝูงหลุดเข้าไปสู่อีกห้วงหนึ่งของกาลเวลาที่ไม่ใช่ปัจจุบันและผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นก็จะติดอยู่ในห้วงแห่งกาลเวลานั้นโดยไม่มีทางกลับสู่มิติเดิมของเขาได้อีกเลย
        

ทุกวันนี้สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ายังคงเป็นดินแดนมรณะที่มีปริศนามากมายที่มนุษย์ยังหาคำตอบแท้จริงไม่ได้ ส่วนทฤษฎีต่างๆ ที่กล่าวมา ก็เป็นเพียงการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการและวิทยาศาสตร์เท่านั้น เมื่อใดที่เราได้ล่วงล้ำเข้าอาณาเขตแห่งนี้ เราคงพบคำตอบที่จริงแท้หรือไม่ก็หายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล
       สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (Bermuda Triangle) ดินแดนต้องคำสาปที่ชาวโลกต่างยกให้เป็นที่หนึ่งในเรื่องความเร้นลับและอาถรรพ์ พื้นที่ตั้งของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมในทะเลซึ่งมีเนื้อที่ 1.5 ล้านตารางไมล์ ซึ่งอยู่บริเวณหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือไปถึงตอนใต้ของฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออก ทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้งผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโกจากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวด้าทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมและเป็นแหล่งกำเนิดปรากฏการณ์เร้นลับขึ้น

14 ความคิดเห็น:

  1. อยากอ่านน่ะ
    แต่ไม่ไหวแล้ว

    ง่วงนอน
    มาเม้นก่อน

    ตอบลบ
  2. เปนดินแดนมรณะหรอเนี่ย

    ตอบลบ
  3. เนื้อหาดี และยังน่าสนใจอีกด้วย

    อิอิ...

    ตอบลบ
  4. อยากไปอ่ะชวนพาไปหน่อยดิ

    ตอบลบ
  5. น่ากลัวอ่ะ
    เปนแดนมรณะ

    ตอบลบ
  6. ทำไมยังหาคำตอบที่แท้จิงไม่ได้อ่ะ
    ไปแล้วจะตายมั้ย

    ตอบลบ
  7. หัดทำให้มันมีสีสันกว่านี้หน่อยดิ

    ตอบลบ